ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จิม โจนส์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Patcha007 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ZeroSixTwo (คุย | ส่วนร่วม)
 
(ไม่แสดง 5 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 3 คน)
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{Infobox person
{{Infobox person
| name = จิม โจนส์
| name = จิม โจนส์
| image = Rev. Jim Jones, 1977.jpg
| image = Rev. Jim Jones, 1977 (cropped)2.jpg
| caption = โจนส์ ตอนอยู่หน้า the International Hotel ในปีค.ศ.1977
| caption = โจนส์ ตอนอยู่หน้า the International Hotel ในปีค.ศ.1977
| birth_name = James Warren Jones
| birth_name = James Warren Jones
| birth_date = {{birth date|1931|05|13}}
| birth_date = {{birth date|1931|05|13}}
| birth_place = [[ครีต, รัฐอินดีแอนา|ครีต]], [[รัฐอินดีแอนา]], สหรัฐ
| birth_place = [[ครีต, รัฐอินดีแอนา|ครีต]], [[รัฐอินดีแอนา]], สหรัฐ
| death_cause = อัตวินิบาตกรรม
| death_cause = [[ฆ่าตัวตายด้วยการยิงปืน]] ทำให้[[แผลจากการยิงปืน|เกิดบาดแผล]]ที่หัว
| death_date = {{death date and age|1978|11|18|1931|05|13}}
| death_date = {{death date and age|1978|11|18|1931|05|13}}
| death_place = [[โจนส์ทาวน์]], [[ประเทศกายอานา]]
| death_place = [[โจนส์ทาวน์]], [[ประเทศกายอานา]]
บรรทัด 23: บรรทัด 23:
เขาอาศัยอยู่ในชุมชนเคร่งศาสนา จิมเติบโตขึ้นเป็นผู้มีความศรัทธาใน[[ศาสนาคริสต์]]อย่างแรงกล้า เขาเริ่มท่องจำไบเบิ้ลตั้งแต่อายุ 8 ปี และเมื่ออายุ 12 เขาก็สามารถเทศน์สอนเด็กในละแวกบ้านราวกับเป็นนักบวชจริงๆ เมื่ออายุได้ 17 ปี จิมก็ไปเป็นนักเรียนฝึกหัดเพื่อจะเป็น[[บาทหลวง]]ของนิกาย[[เมโธดิสต์]] พออายุ 21 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับ มัลเซลีน บอลด์วินด์ ซึ่งเป็นนางพยาบาล และจิมก็ถอนตัวออกจากเมโธดิสต์ออกมาเป็นนักเผยแพร่ศาสนาอิสระ
เขาอาศัยอยู่ในชุมชนเคร่งศาสนา จิมเติบโตขึ้นเป็นผู้มีความศรัทธาใน[[ศาสนาคริสต์]]อย่างแรงกล้า เขาเริ่มท่องจำไบเบิ้ลตั้งแต่อายุ 8 ปี และเมื่ออายุ 12 เขาก็สามารถเทศน์สอนเด็กในละแวกบ้านราวกับเป็นนักบวชจริงๆ เมื่ออายุได้ 17 ปี จิมก็ไปเป็นนักเรียนฝึกหัดเพื่อจะเป็น[[บาทหลวง]]ของนิกาย[[เมโธดิสต์]] พออายุ 21 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับ มัลเซลีน บอลด์วินด์ ซึ่งเป็นนางพยาบาล และจิมก็ถอนตัวออกจากเมโธดิสต์ออกมาเป็นนักเผยแพร่ศาสนาอิสระ


== แนวคิดและความเชื่อ ==
== บทบาททางการเมือง ==
ใน ค.ศ. 1957 จิมก่อตั้ง[[ลัทธิโบสถ์มวลชน]] (Peoples Temple) ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่คำสอน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนผิวดำในเขตเกตโต้ เขาให้ความช่วยเหลือแก่คนผิวดำในรูปของอาหาร ที่พัก และหางานให้ทำ แต่ถูกต่อต้านจากชาวผิวขาวที่มีทัศนคติเหยียดสีผิว แต่จิมก็ไม่ยอมแพ้และทำการเผยแพร่ศาสนาต่อไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นพลเมืองผิวดำของเมือง[[อินดีแอนาโพลิส]] เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอเมริกากำลังรณรงค์การมีส่วนร่วมในการปกครองของคนผิวดำ เนื่องจากจิมมีพรสวรรค์ในการเทศน์ ทำให้จำนวนผู้ศรัทธาในตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก และโบสถ์มวลชนก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1959 จิมรับเด็กเชื้อสายนิโกรและเด็กเชื้อสายเกาหลีอย่างละคนมาเป็นบุตรบุญธรรม นอกเหนือไปจากลูก 2 คนของเขากับมัลเซลีนและเรียกครอบครัวของตัวเองว่า Rainbow Family จิมได้รับอิทธิพลทางความคิดเรื่องการต่อต้าน[[สงคราม]] และการรณรงค์สิทธิเสรีภาพ จากบาทหลวง [[มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์]], [[แมลคัม เอ็กซ์]]และ[[พรรคแบล็คแพนเธอร์]] เขาตั้งสังคมอุดมคติเป็นแบบ[[สังคมนิยม]]ซึ่งไม่มีการแบ่งแยก[[เชื้อชาติ]] และเริ่มทำการรณรงค์เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ทั้งการออกเดินขบวนและ ออกรายการโทรทัศน์ จิมมีทัศนคติว่ารัฐบาลและผู้แยกตัวออกจากโบสถ์เป็นศัตรู และจัดให้มีองครักษ์อยู่ข้างตัวเขาเกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งส่งคนไปคอยจับตาดูบ้านของผู้แยกตัวออกจากโบสถ์ด้วย
ใน ค.ศ. 1957 จิมก่อตั้ง[[ลัทธิโบสถ์มวลชน]] (Peoples Temple) ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่คำสอน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนผิวดำในเขตเกตโต้ เขาให้ความช่วยเหลือแก่คนผิวดำในรูปของอาหาร ที่พัก และหางานให้ทำ แต่ถูกต่อต้านจากชาวผิวขาวที่มีทัศนคติเหยียดสีผิว แต่จิมก็ไม่ยอมแพ้และทำการเผยแพร่ศาสนาต่อไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นพลเมืองผิวดำของเมือง[[อินดีแอนาโพลิส]] เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอเมริกากำลังรณรงค์การมีส่วนร่วมในการปกครองของคนผิวดำ เนื่องจากจิมมีพรสวรรค์ในการเทศน์ ทำให้จำนวนผู้ศรัทธาในตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก และโบสถ์มวลชนก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1959 จิมรับเด็กเชื้อสายนิโกรและเด็กเชื้อสายเกาหลีอย่างละคนมาเป็นบุตรบุญธรรม นอกเหนือไปจากลูก 2 คนของเขากับมัลเซลีนและเรียกครอบครัวของตัวเองว่า Rainbow Family จิมได้รับอิทธิพลทางความคิดเรื่องการต่อต้าน[[สงคราม]] และการรณรงค์สิทธิเสรีภาพ จากบาทหลวง [[มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์]], [[แมลคัม เอ็กซ์]]และ[[พรรคแบล็คแพนเธอร์]] เขาตั้งสังคมอุดมคติเป็นแบบ[[สังคมนิยม]]ซึ่งไม่มีการแบ่งแยก[[เชื้อชาติ]] และเริ่มทำการรณรงค์เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ทั้งการออกเดินขบวนและ ออกรายการโทรทัศน์ จิมมีทัศนคติว่ารัฐบาลและผู้แยกตัวออกจากโบสถ์เป็นศัตรู และจัดให้มีองครักษ์อยู่ข้างตัวเขาเกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งส่งคนไปคอยจับตาดูบ้านของผู้แยกตัวออกจากโบสถ์ด้วย


บรรทัด 140: บรรทัด 140:
* Hatfield, Larry D. November 8, 1998. "[http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/e/a/1998/11/08/NEWS4041.dtl Utopian nightmare Jonestown: What did we learn?]", with contributions by Gregory Lewis, Eric Brazil, and Judy Canter. ''[[San Francisco Examiner]]''.
* Hatfield, Larry D. November 8, 1998. "[http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/e/a/1998/11/08/NEWS4041.dtl Utopian nightmare Jonestown: What did we learn?]", with contributions by Gregory Lewis, Eric Brazil, and Judy Canter. ''[[San Francisco Examiner]]''.
* {{cite book |last=Hutchinson |first=Sikivu |author-link=Sikivu Hutchinson |title=White Nights, Black Paradise |publisher=Infidel Books |year=2015 |isbn=978-0-692-26713-4}}
* {{cite book |last=Hutchinson |first=Sikivu |author-link=Sikivu Hutchinson |title=White Nights, Black Paradise |publisher=Infidel Books |year=2015 |isbn=978-0-692-26713-4}}
* Isaacson, Barry. "[http://www.laweekly.com/2008-10-23/news/from-silver-lake-to-suicide/all From Silver Lake to Suicide: One Family's Secret History of the Jonestown Massacre]". ''[[LA Weekly]]''.
* Isaacson, Barry. "[http://www.laweekly.com/2008-10-23/news/from-silver-lake-to-suicide/all From Silver Lake to Suicide: One Family's Secret History of the Jonestown Massacre] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20121023125546/http://www.laweekly.com/2008-10-23/news/from-silver-lake-to-suicide/all/ |date=2012-10-23 }}". ''[[LA Weekly]]''.
* Kahalas, Laurie Efrein. April 8, 1999. "[http://www.newdawnmagazine.com/articles/jonestown-dismantling-the-disinformation Jonestown: Dismantling the Disinformation]". ''New Dawn'' 53. Kahalas is an {{frac|8|1|2}}-year member of the Peoples Temple who was living in the Temple building in San Francisco when tragedy struck.
* Kahalas, Laurie Efrein. April 8, 1999. "[http://www.newdawnmagazine.com/articles/jonestown-dismantling-the-disinformation Jonestown: Dismantling the Disinformation]". ''New Dawn'' 53. Kahalas is an {{frac|8|1|2}}-year member of the Peoples Temple who was living in the Temple building in San Francisco when tragedy struck.
* Kilduff, Marshall, and Phil Tracy. August 1, 1977. "[http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/g/a/1977/08/01/jonestown.DTL Inside Peoples Temple]". Used by permission of authors for the San Francisco Chronicle.
* Kilduff, Marshall, and Phil Tracy. August 1, 1977. "[http://www.sfgate.com/cgi-bin/article.cgi?f=/g/a/1977/08/01/jonestown.DTL Inside Peoples Temple]". Used by permission of authors for the San Francisco Chronicle.
บรรทัด 161: บรรทัด 161:
* [https://archive.org/details/ptc1978-11-18.flac16 FBI No. Q 042] The "Jonestown Death Tape", recorded November 18, 1978 (Internet Archive)
* [https://archive.org/details/ptc1978-11-18.flac16 FBI No. Q 042] The "Jonestown Death Tape", recorded November 18, 1978 (Internet Archive)
* [https://web.archive.org/web/20141215052025/http://employees.oneonta.edu/downinll/mass_suicide.htm Transcript of Jones's final speech, just before the mass suicide]
* [https://web.archive.org/web/20141215052025/http://employees.oneonta.edu/downinll/mass_suicide.htm Transcript of Jones's final speech, just before the mass suicide]
* [https://www.webcitation.org/5wTIy0buY?url=http://jonestown.sdsu.edu/AboutJonestown/Tapes/Tapes/TapeTranscripts/Q622.html Jonestown Audiotape Primary Project: Transcripts]
* [https://web.archive.org/web/20130921054624/http://jonestown.sdsu.edu/AboutJonestown/Tapes/Tapes/TapeTranscripts/Q622.html Jonestown Audiotape Primary Project: Transcripts]
* "[http://www.britannica.com/EBchecked/topic/305924/Jim-Jones Jim Jones]". ''[[Encyclopædia Britannica]]''. [2002] 2020.
* "[http://www.britannica.com/EBchecked/topic/305924/Jim-Jones Jim Jones]". ''[[Encyclopædia Britannica]]''. [2002] 2020.
* {{IMDb name|0428385}}
* {{IMDb name|0428385}}
บรรทัด 175: บรรทัด 175:


[[หมวดหมู่:บุคคลจากรัฐอินดีแอนา]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากรัฐอินดีแอนา]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ]]
[[หมวดหมู่:ชาวอเมริกันที่มีความหลากหลายทางเพศ]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 19:41, 11 ตุลาคม 2565

จิม โจนส์
โจนส์ ตอนอยู่หน้า the International Hotel ในปีค.ศ.1977
เกิดJames Warren Jones
13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931(1931-05-13)
ครีต, รัฐอินดีแอนา, สหรัฐ
เสียชีวิต18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1978(1978-11-18) (47 ปี)
โจนส์ทาวน์, ประเทศกายอานา
สาเหตุเสียชีวิตอัตวินิบาตกรรม
สัญชาติอเมริกัน
อาชีพผู้นำลัทธิ
มีชื่อเสียงจากผู้นำลัทธิพีเพิลส์เทมเปิล
คู่สมรสMarceline Baldwin Jones (สมรส 1949; เสียชีวิต 1978)
บุตร9
เว็บไซต์"Alternative Considerations of Jonestown & Peoples Temple". jonestown.sdsu.edu/.

เจมส์ วาร์เรน โจนส์ (อังกฤษ: James Warren Jones; ค.ศ. 1931 - ค.ศ. 1978) เป็นชาวอเมริกัน เป็นผู้นำการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตกว่า 900 คน ที่เมืองโจนส์ทาวน์ ประเทศกายอานา ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1978

ประวัติ

[แก้]

เจมส์ วาร์เรน โจนส์เกิดในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931ในพื้นที่ชนบทของครีต รัฐอินดีแอนา สหรัฐ จาก James Thurman Jones กับ Lynetta Putnam[1][2][3][4] ในวัยเด็ก โจนส์ได้ชื่อเล่นจิมมี เขามีเชื้อสายไอริชและเวลส์[5] เขาและแม่ของเขาอ้างว่ามีเชื้อสายเชอโรคีบางส่วน แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างนี้[5][6]

เขาอาศัยอยู่ในชุมชนเคร่งศาสนา จิมเติบโตขึ้นเป็นผู้มีความศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างแรงกล้า เขาเริ่มท่องจำไบเบิ้ลตั้งแต่อายุ 8 ปี และเมื่ออายุ 12 เขาก็สามารถเทศน์สอนเด็กในละแวกบ้านราวกับเป็นนักบวชจริงๆ เมื่ออายุได้ 17 ปี จิมก็ไปเป็นนักเรียนฝึกหัดเพื่อจะเป็นบาทหลวงของนิกายเมโธดิสต์ พออายุ 21 ปี เขาก็ได้แต่งงานกับ มัลเซลีน บอลด์วินด์ ซึ่งเป็นนางพยาบาล และจิมก็ถอนตัวออกจากเมโธดิสต์ออกมาเป็นนักเผยแพร่ศาสนาอิสระ

แนวคิดและความเชื่อ

[แก้]

ใน ค.ศ. 1957 จิมก่อตั้งลัทธิโบสถ์มวลชน (Peoples Temple) ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่คำสอน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนผิวดำในเขตเกตโต้ เขาให้ความช่วยเหลือแก่คนผิวดำในรูปของอาหาร ที่พัก และหางานให้ทำ แต่ถูกต่อต้านจากชาวผิวขาวที่มีทัศนคติเหยียดสีผิว แต่จิมก็ไม่ยอมแพ้และทำการเผยแพร่ศาสนาต่อไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นพลเมืองผิวดำของเมืองอินดีแอนาโพลิส เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอเมริกากำลังรณรงค์การมีส่วนร่วมในการปกครองของคนผิวดำ เนื่องจากจิมมีพรสวรรค์ในการเทศน์ ทำให้จำนวนผู้ศรัทธาในตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก และโบสถ์มวลชนก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1959 จิมรับเด็กเชื้อสายนิโกรและเด็กเชื้อสายเกาหลีอย่างละคนมาเป็นบุตรบุญธรรม นอกเหนือไปจากลูก 2 คนของเขากับมัลเซลีนและเรียกครอบครัวของตัวเองว่า Rainbow Family จิมได้รับอิทธิพลทางความคิดเรื่องการต่อต้านสงคราม และการรณรงค์สิทธิเสรีภาพ จากบาทหลวง มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์, แมลคัม เอ็กซ์และพรรคแบล็คแพนเธอร์ เขาตั้งสังคมอุดมคติเป็นแบบสังคมนิยมซึ่งไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ และเริ่มทำการรณรงค์เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ทั้งการออกเดินขบวนและ ออกรายการโทรทัศน์ จิมมีทัศนคติว่ารัฐบาลและผู้แยกตัวออกจากโบสถ์เป็นศัตรู และจัดให้มีองครักษ์อยู่ข้างตัวเขาเกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งส่งคนไปคอยจับตาดูบ้านของผู้แยกตัวออกจากโบสถ์ด้วย

การอพยพและก่อเหตุอื้อฉาว

[แก้]

ในปี 1965 จิมย้ายโบสถ์มวลชน มายังเมืองยูเกียในแคลิฟอร์เนีย และต่อมาในปี 1967 จิมย้ายโบสถ์ไปยังเมืองซานฟรานซิสโก เขาเทศน์เรื่องความเสมอภาคในเชื้อชาติ ให้ความช่วยเหลือคนยากจน คนตกงาน คนมีคดีติดตัว ผู้ติดยาเสพติด โบสถ์เติบโตอย่างรวดเร็ว เขามีสาวกหลายพันคน เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างเส้นสายในหมู่นักการเมือง ซึ่งทำให้โบสถ์มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารเมือง จิมเริ่มมีท่าทีรุนแรงขึ้น เริ่มปฏิเสธพระเจ้า จิมมีสภาพจิตใจผิดปกติ มีอารมณ์รุนแรงและต้องพึ่งยาระงับประสาท จิมชักชวนให้สาวกบริจาคสมบัติทั้งหมดแก่โบสถ์ และมาใช้ชีวิตในโบสถ์ จิมสร้างฮาเร็มขึ้นในหมู่สาวก เด็ก ๆ ถูกแยกจากพ่อแม่ จิมสั่งให้สาวกเรียกเขาว่า "บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์" และเริ่มสร้างความศรัทธาในการฆ่าตัวตายหมู่ เพื่อที่วิญญาณของทุกคนจะได้เป็นหนึ่งเดียว และได้รับความสุขอันเป็นนิรันดร์ที่ดาวดวงอื่น

ในปี 1977 โบสถ์มวลชนย้ายสาวกมากกว่าพันคนไปสร้างเมือง "โจนส์ทาวน์" ขึ้น บนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ ในประเทศกายอานา ทวีปอเมริกาใต้ เป็นเมืองในระบบเผด็จการ สาวกชายหญิงถูกแยกออกไปอยู่คนละเขต เด็กถูกกันไปอยู่อีกที่หนึ่ง มีการปกครองโดยกลุ่มคนผิวขาว คนผิวดำต้องทำงานใช้แรงงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะถูกบังคับให้เข้าพิธีในตอนกลางคืน ผู้ที่คิดหลบหนีจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในปีนี้ เกรซ สโตน อดีตคนรักของจิม ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังของโบสถ์ต่อสื่อมวลชน ส่งผลให้อดีตสาวกจำนวนมากออกมาฟ้องศาล และเกิดกลุ่มแอนตี้โจนส์ขึ้น

การเสียชีวิต

[แก้]

วันที่ 14 พฤศจิกายน 1978 สส.ไรอันจากรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมกับนักข่าว อดีตสาวก และครอบครัวของสาวกจำนวน 19 คนได้ไปยังประเทศกายอานา เพื่อเข้าตรวจโจนส์ทาวน์ ได้พบคนแก่และคนเจ็บถูกจับนอนเรียงกันบนเตียงเก่าๆจนแน่นไปหมด ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น แมลงวันบินว่อน มีหนอนคลานอยู่จนทั่ว เมื่อนักข่าวจะถ่ายรูปก็มียามมาห้ามไว้ วันที่ 18 พฤศจิกายน ไรอันเดินทางออกจากโจนส์ทาวน์ตามกำหนดการ และพาสาวกจำนวน 16 คนซึ่งต้องการถอนตัวกลับไปด้วย แต่เมื่อทั้งหมดกำลังจะขึ้นเครื่องบิน ได้ถูกกลุ่มสาวกติดอาวุธเข้าโจมตีสังหาร เป็นผลให้ สส.ไรอันและผู้ติดตามรวม 5 คนเสียชีวิตแต่ทว่ามีนักบินผู้หนึ่งได้พบเห็นเหตุการณ์ได้แจ้งไปยังวิทยุการบินทำให้รัฐบาลสหรัฐรับรู้และส่งกองกำลังไปยังโจนส์ทาวน์เพื่อปราบปรามลัทธินอกรีตของจิม โจนส์ เวลา 5 โมงเย็นวันเดียวกัน เพียง 40 นาทีหลังการโจมตีสนามบิน จิมรวบรวมสาวกทั้งหมดกว่า 1100 คน เข้าร่วมในพิธีกรรม "ไวท์ไนท์" โดยนำน้ำผลไม้ผสมไซยาไนด์ให้สาวกดื่ม มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 909 คน 304ศพ เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ศพของจิมถูกพบบนแท่นเวที ที่ศีรษะด้านขวามีรอยกระสุน มีเพียง 167 คนที่รอดชีวิตมาได้

อ้างอิง

[แก้]
  1. Rolls 2014, p. 100.
  2. Hall 1987, p. 3.
  3. Levi 1982.
  4. Reiterman & Jacobs 1982, pp. 9–10.
  5. 5.0 5.1 Kilduff 1978, p. 10.
  6. Guinn 2017, p. 10.

บรรณานุกรม

[แก้]

อ่านเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]